Loading the content... Loading depends on your connection speed!

การย่ำขาง

เป็นศาสตร์โบราณอีกแขนงหนึ่งที่ใช้บำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บแบบหมอพื้นบ้าน ความเป็นมาเป็นวิธีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บแบบพื้นบ้านล้านนา ส่วนมากใช้รักษาหรือบำบัดอาการเจ็บปวดตามร่างกาย กลุ่มอาการของโรคที่ใช้วิธีการย่ำขาง

ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยวิธีย่ำขางจะต้องยึดถือข้อห้ามที่หมอย่ำขางบอกกล่าว เพื่อให้อาการเจ็บป่วยหายเร็วขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาการกินที่หมอย่ำขางเชื่อว่าเป็นของแสลงซึ่งจะทำให้ ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดและจะกลับมาเป็นซ้ำอีก ได้แก่ หน่อไม้ ผักชะเอม บอน ทุเรียน ไข่ เนื้อไก่ เนื้อวัว ปลาไหล ของหมักดอง หอย ปลาไม่มีเกล็ด และกบ

อุปกรณ์การย่ำขาง ประกอบด้วย

๑.ขาง ๑อัน

๒.เตาอั้งโล่ ๑ เตา

๓.ถ่านไฟ ๑ ถุง

๔.น้ำปูเลย (ไพล) ๑ ขัน

๕.เสื่อสำหรับปูนอน ๑ ผืน

๖.หมอน ๑ใบ

๗.ผ้าสำหรับคลุมร่างกายผู้ปวย ๑ ผืน

วิธีการรักษา

สำหรับขั้นตอนการรักษาและขั้นตอนในการย่ำขางจองหมอย่ำขางแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปและบางคนอาจจะมีกรรมวิธีอย่างอื่นเพิ่มทั้งก่อนและหลังการย่ำขางก็ได้ แต่โดยทั่วไปสามารถสรุปได้ดังนี้

๑ .เมื่อหมอย่ำขางตรองโรค(วินิจฉัยโรค)แล้วก็เตรียมขั้นตั้งก่อน ประกอบด้วย สวย(กรวย)ใส่หมากและเทียน๑คู่จะนวน ๑๘ อัน,สวยใส่พลูและเทียน ๑คู่ จำนวน๑๘ อัน, ข้าวสารและข้าวเปลือกอย่างละ ๑ กระทงเล็ก,น้ำส้มป่อย,เทียนเล่มบาท ๔ คู่, เทียนเล่มเฟื้อง ๔ คู่, ผ้าขาว ผ้าแดงอย่างละ ๑ ชิ้น, หินสีขาว ๙ ลูก , หมากหัวพลูมัด ๑ พวง(ใบพลู๖ใบ เรียงซ้อนกันเป็นแถบ ทั้งหมด ๙ แถบแล้วก็มัดกับพวงหมาก),และเงินค่าขันครู ซึ่งผู้ป่วยจะจัดใส่ในพาน

๒. นอกจากนั้นจัดเตรียมอุปกรณ์ย่ำขาง โดยนำใบขางไปเผาไฟ ที่ตั่งอั้งโล่จนร้อนแดงก่อน (สังเกตจากใบขางด้านล่างจะแดง ด้านบนจะขาวหม่น) ในระหว่างนั้นเตรียมน้ำยา(น้ำไพลหรือน้ำมันงา) ที่ใช้ในการย่ำขาง และเอาผ้าคลุมร่างกายผู้ป่วย เพื่อกันเปื้อน กันอุจาด และไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกอาย

๓. เมื่อพร้อมแล้ว ยกขันตั้งอันเชิญครูบาอาจารย์ก่อน แล้วก็สวดธิยายคาถาโมคคัลลานะ ดับพิษดับเปลวไฟใส่น้ำยาที่เตรียมไว้ (น้ำมันไพลหรือน้ำมันงา) หมอย่ำขางแต่ละคนจะมีคาถาแตกต่างกันที่ได้รับสืบทอดมา เช่น “อมอะสุกุโมกะลาน อมบังไฟแดง อุ่งแสงไฟอ่อน ต้อนไฟแดง กูจักจกไฟเย็นหื้ออ่อน อ่อนเหมือนน้ำเย็นใส กูจักกิ๋นได้ อมไฟแสง แดงไฟต้อน กูจักตัดฮ้อนเป็นเย็น เย็นเหมือนดั่งแม่น้ำคงคา กูจักมนต์หินผาหื้อแตกแยกเหมือนดั่งน้ำมหาสมุทร เย็นเนอ เย็นเนอ มหาโมกกะลานเจ้า จุ่งดับปิ๊ดเปล๋ว อมสวาหะ ดับ ดับ”

๔. เมื่อขางร้อนจนแดงแล้ว ก็เริ่มการรักษาด้วยการเอาเท้าจุ่มน้ำยา แล้วย่ำบนร่างกายหรืออวัยวะของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วด

๕. ทำซ้ำหลายๆครั่ง หรืออาจใช้เวลานานพอประมาณ หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกทุเลา จึงปลดขั้นตั้งเป็นเสร็จพิธี

 

ย่ำขาง เป็นวิธีการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บแบบพื้นบ้านล้านนาอีกประเภทหนึ่ง โดยมากใช้สำหรับบำบัดหรือรักษาอาการเจ็บปวดตามร่างกาย โดยใช้เท้าชุบน้ำยา(น้ำไพลหรือน้ำมันงา) แล้วไปย่ำลงบนขางที่เผาไฟจนร้อนแดง แล้วจึงไปย่ำบนร่างกายหรืออวัยวะของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด พร้อมทั้งเสกคาถาอาคมกำกับด้วย ในอดีตหมอเมืองจะใช้เท้าย่ำรักษาส่วนต่างๆของร่างกายรวมทั้งศรีษะด้วย แต่ต่อมามีการปรับเปรียนเป็นใช้มือหรือลูกประคบนวดในส่วนของศรีษะแทนส่วนอื่นๆ ของร่างกายยังคงใช้เท้าย่ำเหมือนเดิม หมอเมืองที่รักษาด้วยการย่ำขาง เรียกว่า หมอย่ำขาง

คำว่า “ขาง”เป็นโลหะเหล็กผสมพวงที่นำไปหล่อเป็นใบขาง(ผาลไถ สำหรับใช่ไถนา ขนาดประมาณ ๘*๖ นิ้ว ปลายแหลม)เนื่องจากขางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการไถนาที่ใช่กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อกันว่ามีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เพราะสามารถไถนาปลูกข้าวเลี้ยงคนทั้งโลกได้ ในสมัยก่อนหากเด็กมีอาการเจ็บปากเจ็บลิ้น จะนำขางที่เผาแล้วไปแช่น้ำให้เด็กดื่ม ทำให้อาการเจ็บป่วยนั้นหายได้ หมอเมืองบางคนเชื่อว่า ความร้อนจากขางจะทะลุทะลวงไปในร่างกายผู้ป่วยได้ลึกกว่าการใช้โลหะอย่างอื่น

ในอดีตการใช้ขางรักษาโรคมีหลาย วิธีดังนี้

๑.      ย่ำขาง คือการเอาเท้าชุบน้ำยา(น้ำไพลหรือน้ำมันงา)แล้วไปย่ำหรือวางบนขางที่เผาจนร้อนแดงแล้ว ไปย่ำบริเวณร่างกายผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด การรักษาด้วยวิธีนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน

๒.     ปึ๊ขาง คือการเป่าหรือการพ่นน้ำยา (น้ำไพลหรือน้ำมันงา)ลงบนขางที่เผาจนร้อนแดง ทำให้ไอน้ำพุ่งไปประทะกับร่างกายผู้ป่วย บริเวณที่มีอาการเจ็บปวด

๓.     จู้ขาง คือการเอาห่อยาสมุนไพรชุบน้ำยา (น้ำไพลหรือน้ำมันงา) มาวางบนขางแล้วเอาไปประคบบริเวณร่างกายผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด

กลุ่มอาการหรือโรคที่สามารถบำบัดรักษาด้วยวิธีการย่ำขางได้แก่

  1. กลุ่มอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดเอ็น ปวดกระดูก กล้ามเนื้อรีบ หรือเป็นโรคที่หาสาเหตุไม่เจอ แต่มีอาการปวด
  2. อาการชาตามเนื้อตัว บริเวณหลัง เอว สะโพก หรือตามลำกล้ามเนื้อ
  3. ในกลุ่มอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากธาตุลมติดขัดทำให้เส้นเอ็นกล้ามเนื้อตึงแข็ง
  4. ย่ำให้เลือดลมมาปรกติ ในสตรีบางรายที่ปวดประจำเดือน และมาไม่ปรกติ

( ข้อห้ามในการย่ำขาง ห้ามย่ำสตรีมีครรภ์ และขณะมีประจำเดือนหรือผู้ที่มีการผ่าตัดร่างกาย โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหืด และผู้ป่วยที่มีไข้ขึ้นสูง )

” ขาง ” คือใบไถ ผาลไถ ใช้ไถนาเป็นเหล็กสามเหลี่ยม ซึ่งโบราณเชื่อว่าใบขาง เป็นศูนย์รวมพลัง ดิน นำ้ ลม ไฟ ใช้กลับผืนดิน กลับดินเสียให้เป็นดี. หรือกลับร้ายให้กลายเป็นดีนะครับ การใช้วิชานี้ผู้ใช้ต้องสวดมนต์มีศีล และผสานกระดูกเป็น ต้องมีครูทำเล่นไม่ได้เพราะความร้อนจะทำลายผิวเนื้อทั้งผู้เป็นหมอและคนไข้นะครับ เป็นศาสตร์ที่มหัศจรรย์อย่างยิ่งครับ

(ตำรา อ.อั้น)