เพชรพญาธร

เพชรพญาธร เทพที่มีความสำคัญกับสมุนไพร ว่านยา ข้อมูลอินเตอร์เน็ต (เพชรพญาธร,เทพยาทร) เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ มีศิลปศาสตร์ 18ประการ เช่น โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนตร์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธรมีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มีกุมภัณฑ์ มีรูปร่างแปลกหน้าตาพองๆ เป็นยักษ์ประเภทหนึ่งแต่ไม่น่ากลัว เหมือนยักษ์ ไม่มีเขี้ยวผมหยิกๆ ผิวดำ ท้องโต พุงโร กุมภัณฑ์มีตั้งแต่ชั้นสูงจนถึงชั้นล่าง มีหน้าที่ลงไปทรมานสัตว์นรก ในยมโลก ทั้งคนธรรพ์วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่อยู่ในการดูแลของ ท้าวธตรฐ ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้านทิศตะวันออก คนธรรพ์แบ่งได้เป็น 3 ระดับ 3 จำพวกคือ … คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้และเป็นบริวารของ Read more…

ลมตะกัง ลมปะกัง

ลมตะกัง ลมปะกัง เป็นชื่อโรคลมชนิดหนึ่งตามตำราแพทย์แผนโบราณ ที่เกิดขึ้นบริเวณศรีษะด้านใดด้านหนึ่ง อาการ ปวดหัวเวลาเช้าฯ ปวดกระบอกตาเมื่อเห็นแสงแดดจะมีอาการลืมตาไม่ขึ้นและจะมีอาการปวดศรีษะข้างเดียวมาสมัยนี้มักเรียกโรคนี้ว่าไมเกรน ตะกัง,ปะกัง ด้านขวา ของใบหน้า เกิดจากการทำงานหนักเกินกำลัง ขาดการพักผ่อนร่างกายให้เหมาะสม คนไข้ที่ปวดด้านขวามือนี้ มักจะเกิดในแนวเส้นสูรย์ (สุริยะ) ตะกัง ปะกังไฟ ตาขวา ตาแดง ร้อน เริ่มตั้งแต่กลางหน้าผากจุดทิพยสูรย์วนขวามาทางโขนงคิ้วขวาขึ้นเพียงหูออกตามไรผมลงมาที่จุดกำด้นท้ายทอย ในแนวนี้เรียกว่ากองลมหมวกโสต หรือลมรัตนกังษวาต บางคนปวดมากจนลามลงมาถึงเกลีววคอเข้าจุดปิดอากาศธาตุในจุดพับคอด้านขวา จนไม่สามารถกันคอได้สะดวกก้มเงยลำบากจนบางครั้งมีอาการวูบวาบคล้ายหน้ามือตามมาฯ ตะกัง,ปะกัง ด้านซ้าย ของใบหน้า มักเกิดจากคนไข้เป็นคนชอบนอน นอนนาน หรือป่วยแล้วทานยานอนหลับ นอนเป็นเวลานานฯ จะเกิดขึ้นด้านซ้ายตาบวมตึงคอหนักท้ายทอยหนักบ่า ซึมเซา ตาแฉะ ตึงปวดตั้งแต่กลางศรีษะกองลมเศียรวาตลงมากองลมรัตนมณฑลจากกลางหน้าผากเข้าจักษุวาตตาบวมลงมาหณุกวาตกรามปวดแข็งหูอื้อเข้าโสตวาต จนลามเข้าไปถึงวิหกวาตภัค เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดฯ กองลมเหล่านี้หมอแผนโบราณรุ่นเก่าก่อนได้วิเคราะห์ไว้ดีแล้วทั้งวิธีการรักษาจะด้วยวิธีหัตถการคือการกดจุดบีบนวดคลึงไคล้ ดัด ดึง หรือประคบมีบอกไว้ทั้งหมด หรือจะใช้ยาในการรักษา ยานัตถุ์ ยาดม ยาสูบ ยาทาน ยาถ่าย มีระบุตำตรับแก้โรคลม ๓๒ Read more…

โรครองช้ำ

โรครองช้ำ คือโรคที่มีอาการปวดในบริเวณส้นเท้า หรือในบริเวณรอบฯของส้นเท้าและกลางส้นเท้าถ้ามีอาการปวดมานาน มีอาการเจ็บปวดคล้ายมีของแหลมคมทิ่มตำ หรือปวดหนึบ จนทำให้กล้ามเนื้อตรงข้อเท้ามีอาการบวม บางครั้งปวดลามขึ้นไปจนถึงกล้ามเนื้อปลีน่อง ทำให้เกิดการหดเกร็งยึดขาไม่ออก อาการมักจะพบการแสดงในตอนตื่นนอนใหม่ฯในตอนเช้าครับ แต่พอขยับลุกเดินสักพักก็หายไป อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอาการเตือนครับ ถ้าไม่รีบรักษาอาการจะกำเริบหนักขึ้นจนแก้ยากครับ เรามาดูสาเหตุเบื้องต้นกันนะครับ เหตุปัจจัยที่พบโรครองช้ำบ่อยฯมาจาก ๑.คนอ้วนครับที่มีน้ำหนักตัวมากฯ ๒.ในกลุ่มคนเป็นโรคเบาหวาน ๓.คนสูงอายุข้อกระดูกเริ่มเสื่อมผิดรูป ๔.กลุ่มคนที่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ๕.นักกีฬาที่มีพฤติกรรมในการใช้เท้ามากฯครับ ๖.ผู้ที่มีเท้าแบนหรือโค้งผิดรูป ๗.คนที่ใส่รองเท้าไม่พอดีกับเท้ารัดจนเกินไป ๘.คนขับรถทางไกลนานฯอยู่เป็นประจำ ๙.ผู้ที่ทำงานในอุณหภูมิต่ำ หรือ นอนให้แอร์เป่าลงตรงเท้าเป็นประจำ ๑๐.คนที่มีปัณหาท้องผูกเป็นประจำ ๑๑.พฤติกรรมการนั่งทับขาเป็นเวลานานฯ ในมุงมองของหมอแผนไทย โรครองช้ำนี้เกิดจากธาตุในธาตุ ก็คือเกิดจากการไหลเวียนเลือดแลลม น้ำแลไฟ (ของเหลวกับอุณหภูมิ) เกิดการติดขัดจากกองลมในกองเสมหะ ไม่ว่าจะเป็นในกองมันทอาโป (อาการของเสมหะที่มีกำลังกล้าธาตุไฟนั้นหย่อน)ในแนวเส้นชิวหาสดมภ์(จุดปิดธาตุไฟกาลธารีแห้งแข็งเกร็ง หรือมีอีกเหตุหนึ่งที่เป็นผลมาจากลมกามจระในช่องท้องแค่นแข็งทับแนวเส้นกาลธารี หรือเกิดจากกองกติกะอาโปเป็นพิษ เหตุจากการที่เกิดลมขังในแนวเส้นตะคริวเพลิง ในจุดบาทเพลิง หรือเกิดขึ้นที่จุดกระดูกสันหลังในตำแหน่งข้อที่ ๕-๖-๗ ในแนวรัตตะคาตบังลม ตรงกับภาพแผนนวดวัดโพธิ์แผนหงายและคว่ำรูปที่ ๒๒ จุดที่ ๗ แผนคว่ำ แก้พิษทั้งปวง และจุดที่ ๔ Read more…

พึงสังวรในการรักษา

การนวดในการรักษากับคนไข้ จะเป็นนักศึกษาหรือหมอที่เรียนจบหลักสูตรไปแล้วแต่ยังไม่มีความชำนาญการในการตรวจวินิจฉัยโรค ถ้ายังไม่เข้าใจในศิลปะศาตร์ของวิชานั้นฯก็จงอย่ามั่นใจในกระบวนการรักษาที่เราได้เรียนกันมา โดยความคิดของตัวเองที่ว่าวิชานั้นเป็นที่สุดของการรักษาโรคนั้นฯแล้ว เราเองอาจจะมั่นใจมากไปในอาจารย์หรือครูผู้สอนว่า ท่านเหล่านั้นเก่ง มีชื่อเสียง มียศตำแหน่งนำหน้าชื่อที่หน้าเชื่อถือ หลายครั้งมากครับที่มีคนป่วยมาเล่าให้ฟังถึงวีธีการรักษา พอเห็นอาการโรคที่แสดง หมอก็ใช้วิชา หรืออาวุธที่ใช้ในการเรียนมาเอาออกมาประเคนใส่คนไข้อย่างไม่ปราณี ปราศัย ด้วยความมั่นใจในวิชาที่ครูสั่งสอนมา ส่วนคนไข้ก็คิดว่าหมอนั้นเก่ง คนนี้แหละแน่แล้วใช้แล้วตามที่มีคนรู้จักแนะนำมาหรือดูจากการโฆษณามา ดังนั้นจึงทนกับการรักษา อู้ย เจ็บ เจ็บ เจ็บมาก  ทน ทน ทน ทน ทน เจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว บางคนทนเจ็บจนเกือบเป็นลมเนื้อตัวสั่นเทาไปหมดเหงื่อแตกหน้าซีดปากเขียวแล้ว บางคนทนเจ็บไม่ไหวเป็นลมไปเลยก็มี หมอก็วิ่งกันวุ่นเลยละครับ บางคนบาดเจ็บภายในจนกลายเป้นโรคอื่นกำเริบตามมาก็มีครับ บางคนเป็นโรคอุบัติใหม่ไปเลย และเกลียดการรักษาแบบแผนไทยแบบองรวมไปเลยก็มี หลายคนบอกว่า หมอเก่งแต่ทำไมอาการของเราถึงเป็นหนักขึ้นกว่าเดิม หลายคนเสียมิตรภาพกับคนที่แนะนำให้ไปหาหมอเพื่อรับการรักษาไปเลยก็มีครับ บางคนเป็นเพื่อนก็เสียเพื่อน บางคนเป็นญาติแนะนำไปก็เสียญาติ บางคนไปดีดี หลังรับการรักษากลับมาเป็นอัมพฤกฒ์ อัมพาตเลยก็มี แขนลีบ ขาลีบ เส้นเลือดแตก ข้อเคลื่นเอ็นอักเสบก็มีเยอะครับ และอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องระวังให้มากฯก็คือ กลุ่มนักศึกษามือใหม่ร้อนวิชาอยากเป็นหมอ ชอบหัดกดนวด ขูด เขี่ย Read more…

การฝึกสมาธิในการนวดจตุรธาตุ ตอน๒

จากการฝึกในตอนที่๑.ไปแล้วในขั้นตอนนั้นเป็นการฝึกเทคนิกการดูอารมณ์ การจับอารมณ์ และการทรงอารมณ์ ในแต่ละจุดที่เราผัสสะได้ภายในกายของเราเพื่อให้สติสัมปชัญญะเท่าทันกับการผัสสะเมื่อมีอารมณ์มากระทบ และเป็นการฝึกให้คุ้นเคยกับอารมณ์ และการรู้สึกถึงสภาวะความร้อน เย็น อ่อนตัว แข็งตัว ชุ่มชื่นหรือแห้งกร้านของร่างกาย การสร้างความคุ้นเคยกับสภาวะเหล่านี้จะเป็นจุดที่สำคัณในการใช้ตรวจวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้นตามธาตุในคัมภีร์แพทย์แผนไทย ตามสมุฏฐานตรีธาตุ วาตะ ปิตตะ เสมหะ และถ้าเรามีความละเอียดของการผัสสะมากขึ้น เราสามมารถตรวจในตำแหน่งของโรค และตำแหน่งของจุดปิดหรือเปิดธาตุนั้นฯได้ชัดเจนตรงตามอาการป่วยของคนไข้ได้ง่ายขึ้น การพิจารณาโรคที่เกิดตามธาตุทั้ง ๔ นั้นก็จะทำได้ชัดเจนขึ้นและยังสามมารถรู้ตำแหน่งของโรคภายในกองธาตุได้ตรงจุดมากขึ้น ทำให้กระบวนการวินิจฉัยและการรักษาโรคใช้เวลาน้อยลงและลดการเกิดอาการบาดเจ็บหรืออักเสบจากการรักษาได้ดีขึ้นครับ ทำไมต้องจตุรธาตุแก้ในกองธาตุ ๔ ? การกดนวดแก้ในกองธาตุ ๔ นั้น จะมีกระบวนการตรวจวินิจฉัยตามธาตุ แยกร่างกายออกเป็นชั้นฯตามธาตุทั้ง ๔ ตามคัมภีร์พระวิสุทธิมรรค เหตุในการเกิดโรคจะต่างกันทำให้การนวดรักษานั้นมีวิธีการที่ต่างกัน ต่างจุด ต่างแนว ต่างวิธีการ การรักษา ตามในหนังสือ หัตถศาสตร์โบราณแก้ในกองธาตุ๔ และหนังสือ ตำราเภสัช อ.สมพร ช้างเผือก หรือ หัตถศาสตร์ตามจารึกวัดโพธ์ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(ส.ว.ร.ส.) ทำไมต้องจิตพรหม ? ตามหลักพระพรหม  มีเมตตา Read more…

การฝึกสมาธิในการนวดจตุรธาตุ

ขั้นตอนการฝึก ๑.แต่งกายให้สบายฯเสื้อผ้าไม่แน่นจนเกินไปจนทำให้ผู้ฝึกมีความอึดอัด ๒.สังเกตุการหายใจเข้าออกว่ามีลมกระทบนะจุดใดของจมูกและในโพรงจมูกบ้าง ๓.การกระทบของลมนั้นมีความร้อนหรือเย็นอย่างไรหรือมีความรู้สึกที่อุ่นในโพรงเพดานปาก ๔.หายใจเข้าให้ลึกแต่บางเบา และหายใจออกให้ลึกแบบบางเบา จนรู้สึกว่าเราไม่เกร็งกับการหายใจเบาสบาย ๕.จากข้อ ๒-๓-๔ สังเกตุว่ามีน้ำลายในโพรงปากไหลออกมาจากด้วยอาการกระทบของลมหายใจไหมแล้วมีรสชาติอย่างไรอุณหภูมิอย่างไร ๖.ให้เริ่มจับความรู้สึกในเวลากลืนน้ำลายลงในลำคอช้าฯแล้วหายใจเข้าหรือออกยาวฯ จนเรารู้สึกว่าตอนกลืนน้ำลายลงในลำคอนั้นเรามีอาการขนลุกหรือเย็นที่บริเวณศรีษะ ท้ายทอย คอหอย หรือถึงหน้าอก ๗.อาการใดฯที่กว่ามาแล้วตามข้างต้นให้คอยดูตอนกลืนน้ำลายลงในลำคอจับความรู้สึกภายในแล้วน้อมจิตเข้ามาดูอารมณ์นั้นจนขยายลงไปทั่วพร้อมทั้งกาย ๘.จับความรู้สึกนั้นแล้วลองมาทำลูกบอลอากาศ โดยหันอุ้งมือเข้าหากันขยับเข้าออกเช้าฯจนเหมือนมีไฟฟ้าเข้ามาสถิตย์ มีช็อตเล็กฯหรือมีเหมือนแม่เหล็กมาดูดที่ฝ่ามือ ๙.ให้ผู้ที่ได้ผัสสะสภาวะไฟฟ้าสถิตย์นั้นหายใจเข้าพร้อมกับยืดฝ่ามือออกด้านข้างช้า จะมมีความรู้สึกเหมือนถูกดูดที่กลางฝ่ามือ หายใจออกพร้อมกับดันฝ่ามือเข้าหากันช้าฯจะผัสสะสภาวะเหมือนมีพลังที่กลางฝ่ามือดันต้านกัน ให้จับอารมณ์สภาวะนั้นไว้ ๑๐.ขยายอารมณ์ผัสสะสภาวะตอนหายใจเข้าให้ขยายออกขึ้นมาตามลำแขน จนถึงออกแล้วลงไปเบื้องล่างจนทั่วทั้งตัว ในขณะเดียวกันการหายใจออกก็เช่นกัน ทำเหมือนกับกระบวนการหายใจเข้าจนมีอาการเหมือนไฟฟ้าสถิตย์ทั้งตัว ๑๑.ให้ผู้ที่ผัสสะสภาวะไฟฟ้าสถิตย์หายใจเข้ายาวฯหายใจออกยาวฯ จับอารมณ์นั้นขยายไปทั่วตัว จุดแรกที่จมูก หว่างคิ้ว หน้าผาก บนศรีษะ โพรงเพดานปาก จนเกิดน้ำลายที่ใสเย็นและหวานไหลซาบลงในลำคอเย็นถึงคอหอยแล้วเริ่มอบอุ่นที่หน้าอก อุ้นจนเรารูกสึกสบายผ่อนคลายมีความสุขถ้าเราดูตามลึกลงไจะอุ่นถึงสะดือด้านบนแล้วเย็นลงหัวเหน่า แต่จะร้อนออกตรงฝีเย็บ เย็นลงขาทั้งสองแต่จะร้อนออกฝ่าเท้าทั้งสอง ๑๒.ให้จับความรู้สึกว่าเย็นนั้นคือธาตุน้ำ ความรู้สึกว่าอุ่นหรือร้อนนั้นคือธาตุไฟ ความรู้สีกวูบวาบซ่าไปมานั้นคือธาตุลม ความรู้สึกว่าตัวเราแน่นและกำลังเล็กลงหนักขึ้นเรื่อยฯนั้นคือธาตุดิน อารมณ์ใดเกิดขึ้นก่อนก็ตามให้เรานึกถึงอารมณ์เมตตา ต่อไปก็กรุณา มุทิตา อุเบกขา คือจิตแห่งพรหมนั้นเอง ๑๓.ให้ผู้เรียนฝึกจับอารมณ์ให้ชิน เพราะเราจะต้องใช้สภาวะอารมณ์ที่เกิดนั้นมาเป็นกุณแจในการเปิดจุดธาตุและปิดธาตุบนร่างกายที่มีปัณหาจนเกิดเป็นโรคภายในคนไข้นั้นเอง การนวดจตุรธาตุจิตพรหมนี้ Read more…

จตุรธาตุ

ร่างกายเป็นธรรมชาติ

ทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติเกิดด้วยธาตุทั้ง ๔ มาประชุมกัน การมองและวิเคราะห์หาสาเหตุการป่วย จึงต้องมองให้เป็นธรรมชาติ…และเพราะธรรมชาติ เกิดด้วยธาตุทั้ง ๔ ครูหมอโบราณจึงสอนเรื่องธาตุ คัมภีร์แพทย์ทั้งสิ้นล้วนเล่าเรื่องธาตุ ๔ ทั้งนั้น ธาตุ ๔ หรือ จตุรธาตุ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ..

(more…)

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE)

โรคนี้นวดได้หรือไม่ ? (คนไข้ถามมาเยอะมาก)

ตอบ!! นวดได้ครับ แต่เราต้องมาตรวจธาตุประจำตัวของเราก่อนซักประวัติก่อนนะครับว่าก่อนหน้าที่มีอาการเหล่านี้เราทำอะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร(พฤติกรรม) ทานอาหารแบบไหน นอนดึกไหม ขับถ่ายอย่างไร มีอุบัติเหตุไหม ประจำเดือนมาอย่างไร จิตใจเป็นอย่างไร

(more…)

รู้ไว้ก็ดีนะ……มือบอกอาการโรค

1. Sinusitis                2. Headache
3. Anxiety                 4. Depression
5. Insomnia              6. Cooling
7. Energy stimulation     8. Stress
9. Stimulation Memory   10. Eye veins
11. Ear veins                       12. Eye Diseases
13. Ear diseases                 14. Shoulder pain

นวดกดจุดสะท้อนฝ่ามือฟื้นสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง

เมื่อพูดถึงคำว่า“มะเร็ง” ทุกคนจะรู้สึกว่าต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลโรคมะเร็ง เพราะมะเร็งเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคชะตาทำให้ต้องเป็นมะเร็ง คุณหมอก็พยายามศึกษา หาวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วย หนึ่งในการรักษานั้นคือ การใช้เคมีบำบัด ซึ่งการให้เคมีบำบัด ไม่ได้เป็นการฆ่าเซลล์มะเร็งเพียงอย่างเดียว แต่ยังฆ่าเซลล์ดี ๆ ของร่างกายอีกด้วย และยังมีผลข้างเคียงเรื่อง ผมร่วง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซีด ภูมิคุ้มกันลดลง ติดเชื้อง่าย อาเจียน ปลายมือ ปลายเท้าชา หยิบจับของแล้วร่วงบ่อย ๆ

เหล่านี้เป็นอาการข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาเคมีบำบัด ซึ่งผู้ป่วยต้องหันมาดูแลสุขภาพที่เกิดจากผลข้างเคียงของเคมีบำบัดในเวลา เดียวกันอีกด้วย ดังนั้น เราจึงพบว่าเมื่อถึงเวลาหรือครบรอบของการให้เคมีบำบัด ผู้ป่วยเกิดความเหนื่อยล้า ไม่ค่อยอยากมารับยา แต่ด้วยความจำเป็นในการรักษา จึงต้องมาให้ครบคอร์สการรักษา
(more…)