สมุนไพรทางเลือกสำหรับบรรเทาอาการปวดเมื่อย การอักเสบของ
กล้ามเนื่อและข้อเข่าเสื่อม ที่มาจาก ภก.ตร.สัญญา หกพุดซา กลุ่มวิจัยบาตรฐาบสมุนไพร ถ้าหากจะนึกถึงสมุนไพรไทยก็คงจะมีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน
แม้เราจะทราบดีว่าสมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ อะไรบ้างตามภูมิปัญญาพื้นบ้านหรือตามที่บอกเล่าต่อกันมา แต่จำนวนสมุนไพรน้อยชนิดนักที่ได้รับการวิจัยครบวงจรจนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ กล่าวคือมีข้อมูลด้านคุณภาพ (Quality) ความปลอดภัย (Safety) และประสิทธิผลในการรักษา (Efficacy) ที่มีหลักฐานในทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งข้อมูลทั้ง 3 ด้านนี้เองถือเป็นคอขวดหรือโจทย์วิจัยที่สำคัญในการพัฒนายาจากสมุนไพรให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งพืชสมุนไพรไทยหนึ่งในนั้นก็คือสมุนไพรเถาวัลย์เปรียงหลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็นหรือทราบสรรพคุณของสมุนไพรนี้ จึงขอนำเสนอข้อมูลสมุนไพรเถาวัลย์เปรียงและการวิจัยที่เกี่ยวข้องจนได้เป็นผลิตภัณฑ์
โดยมีรายละเอียดดังนี้ องค์ประกอบทางเคมีสารสำคัญที่พบในส่วนเถา (ลำต้น)ของเถาวัลย์เปรียงเป็นสารในกลุ่มไอโซฟลาโวน(Isoflavone) และไอโซฟลาโวน กลัยโคไซด์(Isoflavone glycoside)1ชื่อท้องถิ่นเถาตาปลา เครือตาปลา เครือเขาหนัง พานไสน ลักษณะพืชไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ มีกิ่งเหนียว กิ่งแตกเถายืดยาวอย่างรวดเร็ว ลักษณะชอบเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ ถ้ามีเถาที่มีลักษณะใหญ่เถามักจะบิด ใบเป็นใบประกอบด้วย ใบย่อย 7-9 ใบลักษณะเป็นใบกลมและเล็กคล้ายใบของต้นอัญชัน รูปรีแกมขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ใบหนาแข็ง สีเขียวเข้มเป็นมัน ผิวใบเรียบมันขอบเรียบ ปลายแหลมเล็กน้อย ดอกออกเป็นช่อห้อยตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกมี 5 กลีบ คล้ายดอกถั่ว สีชมพูอ่อนแกมขาว
จะออกเป็นช่อสีขาวห้อยลง ส่วนกลีบรองกลีบดอกมีสีม่วงดำ ตรงปลายกลีบดอกจะเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ผลออกเป็นฝักแบน ๆภายในจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-4 เมล็ด สรรพคุณทางยาตามภูมิปัญญาไทยเถาเป็นยาแก้กระษัย แก้เส้นเอ็นขอด ทำให้เส้นอ่อนและหย่อนดี ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ เถาหั่นตากแห้งคั่วไฟชงนำดื่มแทนชา ใช้แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ถ้าใช้ดองเหล้าจะเป็นยาขับระดู1 นอกจากนี้ ยังนำมาใช้เป็นส่วนประกอบยาอายุวัฒนะ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง การศึกษาทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาที่เกี่ยวข้อง สารสกัดด้วยน้ำลดการหลั่ง myeloperoxidase (88 %) จากrat peritoneal leukocytes ที่ถูกกระตุ้นด้วย calcium ionophore มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) โดยการยับยั้งการสังเคราะห์สาร อิโคซานอยด์ (Eicosanoid)2สารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วย 50 % เอธานอล 500 ไมโครกรัม/มล. ยับยั้งเอนไซม์lipoxygenase โดยลดการเกิด leukotriene B4 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการอักเสบ2สารสำคัญที่พบในส่วนสกัดด้วยน้ำ ได้แก่ 7-o-a-rhamno(1->6)-b-glucosylgenistein, genistein, 5,7,4´-trihydroxy-6,5´-diprenylisoflavone และ scandenin มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบโดยยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase โดยมีค่า IC50 = 1500, 100, 3 และ 8 ไมโครโมลาร์ตามลำดับ และยับยั้งเอนไซม์ 5- lipooxygenase (IC50 = 2500, 80, 6 และ1.6 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ)3สาร genistein และ scandenin ลดการหลั่ง elastasemyeloperoxidase จาก rat peritoneal leukocytes โดยมีค่า IC50 = 0.22และ 0.14 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ3 การศึกษาทางคลินิกการทดสอบความปลอดภัยของสารสกัด เถาวัลย์เปรียงในอาสาสมัครสุขภาพดี การทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลเบื้องต้นของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงต่อระบบภูมิคุ้มกันในอาสาสมัครจำนวน 12 ราย โดยให้รับประทานแคปซูลสารสกัดเถาวัลย์เปรียงด้วย 50 % เอธานอล ครั้งละ1 แคปซูล (200 มิลลิกรัม/แคปซูล) วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นเวลา 2 เดือนพบว่าทั้ง 12 ราย ไม่มีอาการข้างเคียงใด ๆ ระหว่างรับประทานสารสกัดค่าทางโลหิตวิทยาและค่าทางชีวเคมีบางค่ามีการเปลี่ยนแปลงแต่อยู่ในช่วงของ คา่ ปกตินอกจากนยี้ งั พบความแตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำ คญั ของปรมิ าณของIL-2, IL-4 และ IL-6 ในซีรั่มเพิ่มขึ้น จากผลการศึกษาพบว่าสารสกัดเถาวัลย์เปรียงที่ขนาด 400 มิลลิกรัม/วัน มีความปลอดภัยเมื่อรับประทานติดต่อกันนาน 2 เดือน และสามารถเหนี่ยวนำให้มีการ หลั่งของ IL-2, IL-4 และ IL-6ที่อาจมีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ฤทธิ์ต้านการอักเสบในสัตว์ทดลองสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเมื่อให้สารสกัดขนาด 100และ 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แก่หนูขาวทางช่องท้อง โดยลดการบวมของ
องุ้ เทา้ ของหนูขาวหลงั ไดร้ บั สารคาราจีแนน (Carrageenan-induced hindpaw edema) แต่ไม่ได้ผลเมื่อให้สารสกัดทางปาก1สารสกัด 50 % เอธานอล-น้ำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเมื่อให้สารสกัดขนาด 250 และ 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แก่หนูขาวทางปากเมื่อศึกษาด้วยวิธี carrageenan-induced hind paw edema การศึกษาประสิทธิผลในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ของเถาวัลย์เปรียงในอาสาสมัครสุขภาพดีจากการศึกษาในอาสาสมัครจำนวน 47 ราย โดยให้รับประทานแคปซูล สารสกัดเถาวัลย์เปรียงด้วย 50 % เอธานอล ครั้งละ 1 แคปซูล(200 มิลลิกรัม/แคปซูล) วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าไม่มีอาการข้างเคียงใด ๆ ระหว่างรับประทานสารสกัด ค่าทางโลหิตวิทยาและค่าทางชีวเคมีบางค่ามีการเปลี่ยนแปลงแต่อยู่ในช่วงของค่าปกติ นอกจากนี้ยังพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของปริมาณของ IL-2 และ g- IFNในซีรั่มเพิ่มขึ้น สรุปได้ว่าสารสกัดเถาวัลย์เปรียงขนาด 400 มิลลิกรัม/วันมีความปลอดภัยเมื่อรับประทาน ติดต่อกันนาน 2 เดือน และอาจมีส่วนช่วยควบคุมหรือเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การศึกษาพิษเรื้อรังของสารสกัดเถาวัลย์เปรียง การศึกษาพิษเรื้อรังของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงด้วย 50 %เอธานอลในหนูขาวพันธุ์วิสตาร์ โดยป้อนสารสกัดขนาด 6, 60 และ 600มิลลิกรัม/น้ำหนักหนู 1 กิโลกรัม/วัน หรือเทียบเท่าผงเถาวัลย์เปรียงแห้ง0.03, 0.3 และ 3 กรัม/น้ำหนักหนู 1 กิโลกรัม/วัน หรือคิดเป็น 1, 10 และ100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนต่อวัน ตดิ ตอ่ กนั นาน 6 เดอื น พบวา่ สารสกดั
เถาวัลย์เปรียงไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าทางโลหิตวิทยา ค่าทางชีวเคมีของซีรั่มหรือจุลพยาธิ สภาพของอวัยวะภายในที่มีความสัมพันธ์
กับขนาดของสารสกัด และไม่พบความผิดปกติใด ๆ ที่สามารถสรุปได้ว่าเนื่องมาจากความเป็นพิษของสารสกัด การศึกษาสารสกัดเถาวัลย์เปรียง
แคปซูลในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างจากการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างโรงพยาบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ในผู้ป่วย 70 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง(ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูลขนาด 200 มก. ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เป็นเวลา 7 วัน) 37 ราย และกลุ่มควบคุม (ได้รับยาdiclofenac 25 มก. ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เป็นเวลา 7 วัน)33 ราย พบว่าทั้งสองกลุ่มระดับความรู้สึกปวดลดลงในวันที่ 3 และ 7 ของ การรักษา สำหรับผลข้างเคียงนั้นพบว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูลนั้นมีค่าทางโลหิตวิทยาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กล่าวคือจำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงในวันที่ 7 ของการให้ยา แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติส่วนค่าทางชีวเคมีไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ส่วนผู้ที่ได้รับยา diclofenac นั้น ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของค่าทางโลหิตวิทยา และค่าทางชีวเคมี7 ประเทศ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยภายใต้การถ่ายทอดเทคโนโลยีและความร่วมมือการผลิตกับสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ผลิตเป็นแคปซูลสารสกัดเถาวัลย์เปรียงตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตยาจากสมุนไพร โดยมีการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล
มีการตรวจสอบเอกลักษณ์โดยใช้เทคนิค High Performance LiquidChromatography (HPLC) ปรมิ าณของสารสำคญั และการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ภายใต้ชื่อการค้า จีพีโอเถาวัลย์เปรียงแคปซูล (GPOTHAO-WAN-PRIANG CAPSULES) ให้เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มี
ความปลอดภัย และมีคุณภาพสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรในประเทศและทดแทนการนำเข้ายาจากต่าง ประเทศ การศึกษาสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูลในผู้ป่วยที่มี อาการข้อเข่าเสื่อมจากการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม โรงพยาบาลศิริราชในผู้ป่วย 125 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง (ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูลขนาด 400 มก. ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร ติดต่อกันนาน
4 สัปดาห์) 63 ราย และกลุ่มควบคุม (ได้รับยา naproxen ขนาด 250 มก.ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร ติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์)
62 ราย พบว่าสารสกัดเถาวัลย์เปรียงแคปซูลในขนาดดังกล่าวสามารถบรรเทาอาการปวดเข่าได้ดี ช่วยให้การทำงานของเข่าดีขึ้น และมีความ
ปลอดภัยไม่ต่างจากการรักษาด้วย naproxen ขนาด 250 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้งหลังอาหารติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์ นอกจากนั้นอาการข้างเคียงเช่น อาการจุกเสียดท้อง หิวบ่อย แสบท้อง พบน้อยกว่าในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียบเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยา naproxen8
เอกสารอ้างอิง
1. ประไพ วงศ์สินมั่งคง, ธิดารัตน์ บุญรอด, เย็นจิตรเตชะดำรงสิน, จารีย์ บันสิทธิ์, ปราณี ชวลิตธำรง. ข้อกำหนดทางเคมีและกายภาพ ของเถาวัลย์เปรียง. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2547; 2(3): 18-3.
2. Laupattarakasem P, Houghton PJ, Hoult JR, Itharat A.An evaluation of the activity related to inflammation of four plants
used in Thailand to tr eat arthritis. J. Ethnopharmacol. 2003; 85(2-3):207-215.
3. Laupattarakasem P, Houghton PJ, Hoult JR. Antiinflammatoryisoflavonoid glycosides from the stems of Derris scandens.
Planta Med. 2003; 85(2-3): 207-215.
4. Chavalitumrong P, Chivapat S, Chuthaputti A, RattanajarasrojS, Punyamong S. Chronic toxicity study of crude extract
of Derris scandens Benth. Songklanakarin J. Sci. Technol. 1991;21(4): 425-433.
5. ปราณี ชวลิตธำรง, บุษราวรรณ ศรีวรรธน, ศิริมา ปัทมดิลก,สดุดี รัตนาจรัสโรจน์, ปราณี จันทรเพ็ชร, ไพจิตร วราชิต. การทดสอบ
ความปลอดภัยของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในอาสาสมัครสุขภาพดี.วารสาร การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2547; 3(1): 17-26.
6. ปราณี ชวลิตธำรง และคณะ. รายงานการวิจัยปีที่1 การศึกษา ประสิทธิผล ในการเพิ่มภูมิคุ้มกันของเถาวัลย์เปรียงในอาสา
สมัครสุขภาพดี. สำนักงาน คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. 2548.7. ยุทธพงษ์ ศรีมงคล, ไพจิตร์ วราชิต, ปราณี ชวลิตธำรง, บุษรา
วรรณ ศรีวรรธนะ, รัดใจ ไพเราะ, จันธิดา อินเทพ, บุญญาณี ศุภผล, ประไพ วงศ์สินคงมั่น. การเปรียบเทียบสรรพคุณของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงกับไดโคลฟีแนคเป็นยาบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง.วารสารการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก. 2550; 5(1): 17-23.
8. วิษณุ ธรรมลิขิตกุล. รายงานการวิจัยเรื่องประสิทธิผลและ ความปลอดภัยของสารสกัดเถาวัลย์เปรียง ในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 2551. บทสรุป ตามการแพทย์แผนไทย เถาวัลย์เปรียงเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณเป็นยากษัยเส้น หรือรักษาอาการปวดเมื่อย ผงจากเถาของเถาวัลย์เปรียงในรูปแบบแคปซูลถูกจัดอยู่ในบัญชียาแผนไทยสำหรับโรงพยาบาลและหน่วยบริการสาธารณสุข พ.ศ. 2553 ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุข มีข้อบ่งใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ และลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการศึกษาวิจัยสมุนไพรเถาวัลย์เปรียงและพัฒนาสารสกัดเถาวัลย์เปรียงซึ่งได้มีการทดสอบด้านความปลอดภัย ประสิทธิผลในการรักษาและการควบคุมคณุ ภาพ การศกึ ษาความเปน็ พษิ เรือ้ รงั ของสารสกดั เถาวลั ยเ์ ปรยี งในหนโู ดยให้สารสกัดขนาด 600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน (ประมาณ 75-100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) นาน 6 เดือน ไม่พบความเป็นพิษ การศึกษาในอาสาสมัครที่รับประทานสารสกัดเถาวัลย์ เปรียงขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน2 เดือน ก็พบว่าปลอดภัยและอาจช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายการใช้สารสกัดเถาวัลย์เปรียงขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 7 วันรักษาอาการปวดหลังส่วนล่างให้ผลใกล้เคียงกับยา diclofenac 25 มิลลิกรัม
วันละ 3 ครั้ง และไม่พบพิษและผลข้างเคียงจากสารสกัดเถาวัลย์เปรียง การใช้สารสกัดเถาวัลย์เปรียงขนาด 400 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์รักษาอาการข้อเข่าเสื่อมให้ผลเทียบเท่ากับยา naproxen 250 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์ องค์การเภสัชกรรมได้พัฒนาเตรียมสารสกัดมาตรฐานเถาวัลย์เปรียง (Standardized extract) ซึ่งใช้วัตถุดิบภายใน