จากการฝึกในตอนที่๑.ไปแล้วในขั้นตอนนั้นเป็นการฝึกเทคนิกการดูอารมณ์ การจับอารมณ์ และการทรงอารมณ์ ในแต่ละจุดที่เราผัสสะได้ภายในกายของเราเพื่อให้สติสัมปชัญญะเท่าทันกับการผัสสะเมื่อมีอารมณ์มากระทบ และเป็นการฝึกให้คุ้นเคยกับอารมณ์ และการรู้สึกถึงสภาวะความร้อน เย็น อ่อนตัว แข็งตัว ชุ่มชื่นหรือแห้งกร้านของร่างกาย การสร้างความคุ้นเคยกับสภาวะเหล่านี้จะเป็นจุดที่สำคัณในการใช้ตรวจวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้นตามธาตุในคัมภีร์แพทย์แผนไทย ตามสมุฏฐานตรีธาตุ วาตะ ปิตตะ เสมหะ และถ้าเรามีความละเอียดของการผัสสะมากขึ้น เราสามมารถตรวจในตำแหน่งของโรค และตำแหน่งของจุดปิดหรือเปิดธาตุนั้นฯได้ชัดเจนตรงตามอาการป่วยของคนไข้ได้ง่ายขึ้น การพิจารณาโรคที่เกิดตามธาตุทั้ง ๔ นั้นก็จะทำได้ชัดเจนขึ้นและยังสามมารถรู้ตำแหน่งของโรคภายในกองธาตุได้ตรงจุดมากขึ้น ทำให้กระบวนการวินิจฉัยและการรักษาโรคใช้เวลาน้อยลงและลดการเกิดอาการบาดเจ็บหรืออักเสบจากการรักษาได้ดีขึ้นครับ

ทำไมต้องจตุรธาตุแก้ในกองธาตุ ๔ ?

การกดนวดแก้ในกองธาตุ ๔ นั้น จะมีกระบวนการตรวจวินิจฉัยตามธาตุ แยกร่างกายออกเป็นชั้นฯตามธาตุทั้ง ๔ ตามคัมภีร์พระวิสุทธิมรรค เหตุในการเกิดโรคจะต่างกันทำให้การนวดรักษานั้นมีวิธีการที่ต่างกัน ต่างจุด ต่างแนว ต่างวิธีการ การรักษา ตามในหนังสือ หัตถศาสตร์โบราณแก้ในกองธาตุ๔ และหนังสือ ตำราเภสัช อ.สมพร ช้างเผือก หรือ หัตถศาสตร์ตามจารึกวัดโพธ์ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(ส.ว.ร.ส.)

ทำไมต้องจิตพรหม ?

ตามหลักพระพรหม  มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีสภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นใครฯก็อยากอยู่ใกล้ หมอนวดจตุรธาตุจึงต้องใช้สภาวะจิตแบบพรหม การที่เราทรงจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นั้นจะทำให้เรามีกายและจิตที่สดใสและอบอุ่นเป็นมิตรต่อทุกสรรพสิ่งและยังเป็นกฏแห่งศีลคอยกีดกั้นการกระทำที่เป็นอกุศลธรรมทั้งหลายไม่ให้เกิดขึ้นในจิตใจของหมอในขณะที่ทำการรักษาการผัสสะคนไข้ด้วยสภาวะจิตพรหม คนไข้จะมีความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับหมอเป็นญาติผู้ใหญ่ เกิดการผ่อนคลายทั้งภายในจิตใจและกายภายนอก คือระบบกล้ามเนื้อประสาทและเส้นเอ็นทั้งหลายนั้นเอง ทำให้การนวดเปิดธาตุทำงานได้ดีขึ้นการไหลเวียนเลือดแลลม น้ำแลไฟ ที่มีสารแห่งความสุขไหลไปเลี้ยงตามฐานต่างฯของร่างกายได้ง่ายขึ้น การติดขัดในกระบวนการของตรีสมุฏฐาน ฐานที่ตั้งที่แรกเกิดของโรคในกอง ปิตตะ วาตะ เสมหะ ก็จะลดน้อยถอยลงไป

ลมกลายเป็นน้ำ

การรวมธาตุอากาศธาตุ ลมหายใจเข้าและออก เมื่อลมหายใจแรกเข้ากระทบที่ปลายจมูกด้านใน รู้สึกเย็นเข้าไปถึงดั้งจมูกด้านใน ให้ผู้ฝึกจับความรู้สึกเย็นที่กระทบนั้นบ่อยฯแล้วความเย็นนั้นขยายตัวเข้าไปถึงด้านในโพรงจมูกเพดานช่องปาก ขึ้นไปถึงระหว่างคิ้ว หน้าผาก ด้านบนศรีษะนั้นหรือไม่ ถ้าไม่ให้กลับมาตรวจการกัดฟันหรือเกร็งกรามหรือเปล่า ทางที่ถูกควรสบฟันแบบหลวมฯเพื่อง่ายต่อการสังเกตุการเกิดผัสสะที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการไหลของน้ำลายและรสชาติของน้ำลายที่เกิดขึ้นแบบใสสะอาดและหวานละมุน ส่วนบริเวณหน้าผากเมื่อเกิดความเย็นจากภายในโพรงจมูกที่หน้าผากจะเย็นหนุ่ยฯออกมาในขณะที่เราหายใจเข้าและอาการตื้อฯตอนหายใจออก ให้เราจับความรู้สึกนั้นไว้อย่างเบาฯ คอยสังเกตุดูในกลางศรีษะจะมีความรู้สึกเหมือนมีตัวแมลงมาเดินบนผม ให้เรากลับมาดูน้ำลายแล้วกลืนลงไปช้าฯ ในขณะที่กลืนนำลายให้เรานึกคำว่า เม กะ มุ อุ คืออารมณ์ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นั้นเอง ขณะที่เรากลืนน้ำลายลงไปนั้นหูของเราก็จะได้ยินเสียง กล๊อก ขณะที่น้ำลาย เม กะ มุ อุ ไหลซึมซาบลงไปนั้น จะมีรสหวานละมุนอบอุ่นเยือกเย็นและใสมากที่เดียว เปรียบดังน้ำแร่จากธรรมชาติเลยก็ว่าได้ ความรู้สึกสดชื่นจะมีเกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติของบนศรีษะและใบหน้าในขณะที่กำลังหายใจเข้าอย่างช้าฯอีกครั้ง แต่ความรู้สึกอบอุ่นนั้นจะติดตามน้ำลายลงไปจนถึงกลางหน้าอก ทำให้บริเวณหน้าอกฐานแห่งจิตใจนั้นอบอุนชุ่มชื่นจะทะลุไปด้านหลังบางคนสัมผัสไว้ มีความรู้สึกลงไปถึงหน้าขาและขาท่อนล่างแต่จะร้อนผ่าวฯที่กลางฝ่าเท้า ถ้าผู้ฝึกจับผัสสะได้ถ้วนเกือบทั้งกายแล้ว ให้ลองสังเกตุการหายใจเข้า อย่างช้าฯ ในช่วง มุ ถึง อุ ท่านจะพบที่ตั้งฐานแห่งจิตในสมถวิปัสสนากรรมฐาน จุดที่ ๑ อัชชดากาษเบื้องต่ำ สะดือ นั้นเอง ท่านใดอยากฝึกกรรมฐานก็ไปหาศึกษาต่อกันเอาตามชอบนะครับ

ธาตุน้ำอันทรงพลัง

น้ำลายที่ใสไหลรินอบอุ่นด้วยรสอันหวานละมุนผสมกับกับการภาวนา เม กะ มุ อุ พลังแห่งการตื่นตัวของธาตุรู้ที่ผู้ฝึกที่ถูกต้องตามวิธีเท่านั้นจึงจะรู้ได้และเข้าถึงแห่งผัสสะนั้นได้ น้ำ 70% ในร่างกายเราเมื่อได้ถูกน้ำแห่ง เม กะ มุ อุ เข้าผสมแล้วจะเกิดการตื่นตัวของพลังงานธาตุภายในธาตุทั้ง ๔ ขั้นตอนนี้เริ่มมาจากลมหายใจกระทบร้อนเย็นจนกลายเป็นน้ำลายใรกระพุ้งแก้มอบอุ่นด้วยไฟแห่งเมตตาลงในน้ำลายนั้นในกระบวนการจำน้ำนั้นมีความจำเป็นเลิศจิตที่เมตตาถุกปรุงลงไปในน้ำลายนั้น นำ้ลายที่ดีจึงเป็นตัวการทำความสะอาดต่อมรับรสชาติและขจัดของเสียแบ็คทีเรีย ในลำคอให้ความชุ่มชื่นและกระตุ้นให้น้ำย่อยออกมาทำงานให้กระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้นทำให้คนไข้รู้สึกหิวอยากทานอาหารและยังทำให้จิตใจของคนไข้ดีขึ้นมีกำลังใจในการฟื้นฟูร่างกายอีกต่อไป

พลังงานตื่นตัว

ความอบอุ่น ความร้อน ความเย็น ความสดชื่น อาการขนลุกขนพอง ไปทั้งตัวเป็นการตื่นรู้ของธาตุทั้ง ๔ การตื้นรู้ของตัวผู้ฝึก หรือของคนไข้แสดงว่าพร้อมแล้วที่จะต้องได้รับการกดจุดตามแนวธาตุทั้ง ๔ และจุดปรับดุลยภาพของธาตุอีกต่อไป ก่อนที่เราจะไปปรับให้ใคร ต้องปรับที่ตัวของเราก่อน ตามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้วจากตอนที่แล้วแต่ขั้นตอนนี้เราจะเข้ามาดูที่จุดนวหรคุณ ๙ ที่ตั้งฐานแห่งจิตภายในกายตามดูด้วยสติสัมปชัญญะที่ว่องไว ในการเกิดดับ การตื่นตัวของพลังงานเรามิได้ละวางหรือตัดทิ้งอารมณ์เหล่านั้นเพราะเราต้องการใช้พลังงานเหล่านั้นมารักษาธาตุที่ขาดดุลยภาพ ส่วนการดูผัสสะภายนอกหมอจตุรธาตุก็ต้องมาเรียนรู้กับที่ตั้งสมูฏฐานแห่งจิตภายนอกด้วยเช่นกันแต่มิใช่รู้แล้วละวางหรือละทิ้ง เพราะเราต้องนำมาใช้ในการวินิจฉัยคนไข้ในเรื่อง ลม ๓๒ เลือดแลลม น้ำแลไฟ สมุฏฐานภายนอกและสมุฏฐานภายใน ภายในกายมหาภูตรูป ๔ และ จิต วิญญาณ พลังงานในกายนั้นหมอต้องสามารถเคลื่อนเอามาไว้ที่ปลายนิ้วได้ในเวลาที่กดจุดนวด ส่วนพลังงานภายนอกนั้นจุดจิตผัสสะต้องดึงพลังงานภายนอกเข้ามาใช้ได้ด้วยกระบวนการหายใจที่ละเอียดแล้วเข้าสู่ฐานแห่งจิตภายนอกของแต่ละฐานจนเกิดปีติตามฐานนั้นฯแล้วขยายให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงแล้วเก็บอารมณ์นั้นเอามาใช้ การนั่งทำสมาธิแบบจตุรธาตุจิตพรหมนี้ จึงคล้ายกับการปลุกเสกวัตถุมงคล แต่กลับกันเป็นการปลุกเสกธาตุ ๔ ในตัวเราเองให้มีความเข้มแข็งเป็นวัตถุมงคลเสียเอง

พลังแห่งจิตพรหม เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ( เม กะ มุ อุ นะ มะ พะ ธะ นะโมพุทธายะ) ย่อมเป็นที่ย่อมรับของทุกธาตุและเป็นแม่ธาตุในศาสตร์พิธีกรรม จึงเป็นเหตุแห่งเมตตาธรรมในทุกสภาวะ การนำมาใช้ในการนวดเปิดธาตุนั้นมีมานานแล้วในสมัยโบราณแต่ก็ได้ขาดตอนและขาดหายไปด้วยกาารที่เข้าไม่ถึงศาสตรศิลปะการรักษากายและจิตนั้นเอง #จตุรธาตุจิตพรหม

พท.ศิริมงคล ตอบงาม

อาศรมศรีมงคลคลินิกการแพทย์แผนไทย